i-Store Self Storage SMEs เนื้อหอม ร่วมลงทุนกับกองทรัสต์ของ SME D Bank เดินหน้าขยายธุรกิจบริการเช่าห้องเก็บของ เพิ่ม 3 สาขา เจาะลูกค้าใจกลางกรุงและหัวเมืองใหญ่ ปั้นรายได้ปีนี้โตเกิน 30 ล้านบาท ปูทางระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 68
นายภักดี อนิวรรตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด ผู้นำการให้บริการเช่าห้องเก็บของและทรัพย์สิน (Self-Storage) ระดับพรีเมียมของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ i-Store Self Storage เปิดเผยว่า
บริษัทได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ลงทุนสถาบันของรัฐเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ถือหุ้นบริษัท โดยได้รับเงินสนับสนุนร่วมลงทุนจำนวน 30 ล้านบาท ผ่านกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน กองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMEs (กองทุนย่อยกองที่ 2) ซึ่งจัดตั้งโดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ที่มีบริษัท พีพีเอ็ม แอ็ดไวเซอรี่ เป็นผู้จัดการทรัสต์
ภักดี อนิวรรตน์
โดยกองทรัสต์ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์แสวงหาโอกาสเข้าร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการกลุ่ม Start-up และ SMEs ขนาดกลางและขนาดย่อมในกลุ่มธุรกิจ S-curve ประกอบด้วย 5 อุตสาหกรรมคลัสเตอร์ในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่บริษัทได้รับเงินลงทุนดังกล่าวแล้ว บริษัทมีแผนขยายกิจการเติบโตแบบก้าวกระโดด เบื้องต้นตั้งเป้ารายได้ปี 2564 เติบโตไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท และมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในปี 2568
นายภักดี กล่าวต่อว่า แผนขยายสาขาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้บริการคลอบคลุมหัวเมืองใหญ่ในประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทเปิดให้บริการแล้ว 2 สาขาในทำเลใจกลางเมืองย่านธุรกิจ ได้แก่ สาขาสีลม และสาขาสุขุมวิท 24 ล่าสุดอยู่ระหว่างเตรียมพร้อมเปิดอีก 3 สาขาในทำเลอ่อนนุช และพัทยา 2 แห่ง คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2564 นี้
โดยแผนเปิดให้บริการ i-Store Self Storage ในพื้นที่หัวเมืองใหญ่บริษัทใช้ Model การขยายธุรกิจในรูปแบบของ Storage Management ที่ใช้กับสาขาพัทยากลางและสาขาจอมเทียน ช่วยให้บริษัทขยายสาขาได้เร็วยิ่งขึ้น และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนสำหรับ Landlord ที่มีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่อยากปรับปรุงเพื่อให้เกิดรายได้ แต่ไม่อยากที่จะบริหารหรือจัดการกับระบบจัดการต่าง ๆ สามารถปรึกษาและขอคำแนะนำกับทีมของ i-Store ได้เช่นกัน
“การเปิดให้บริการ i-Store Self Storage เรายังยึดมั่นเรื่องทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเป็นสำคัญ ลูกค้าสามารถเดินทางได้สะดวกทั้งรถส่วนตัวหรือระบบขนส่งสาธารณะ มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีคุณภาพเหมาะสำหรับการขนย้าย มีการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่ดี และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน
และสิ่งสำคัญที่สุดคือการให้ความคุ้มค่ากับลูกค้าที่มาใช้บริการ คือ การเข้าใจความต้องการของลูกค้า สร้างการบริการให้มีความน่าเชื่อถือ รักษามาตรฐานการให้บริการให้เหมือนกันทุกสาขา สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า i-Store Self Storage เป็นเสมือนบ้านหลังที่สาม” นายภักดี กล่าว
ปัจจุบันกระแสการเติบโตของธุรกิจให้บริการเช่าห้องเก็บของและทรัพย์สินกำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในยุคสมัยใหม่ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองที่นับวันพื้นที่อยู่อาศัยทั้งห้องพัก-คอนโดมิเนียมมีขนาดเล็กลง และมีพื้นที่ใช้สอยจำกัดไม่เพียงพอต่อการจัดเก็บสิ่งของ
สะท้อนจากช่วงเกิดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 พบว่ากลุ่มลูกค้าสัดส่วนคนไทยเพิ่มขึ้นมาเป็น 60% จากเดิมที่มีสัดส่วนประมาณ 40% เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่ากลุ่มลูกค้าคนไทยมีความเข้าใจและพร้อมเข้าใช้บริการ Self Storage เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ผู้บริโภคยังเล็งเห็นถึงความคุ้มค่าของการใช้พื้นที่ของที่อยู่อาศัย จึงหันมาเลือกการใช้บริการเช่าห้องเก็บของนอกบ้าน เป็นบริการทางเลือกแรกที่จะสามารถสร้างความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า อีกทั้งยังให้ความเป็นส่วนตัวในการเข้าออกยังห้องเก็บของได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บริษัทจึงพัฒนารูปแบบการให้บริการรับฝากสิ่งของให้ง่ายและสะดวกสบายเพิ่มขึ้น ด้วยบริการ Door To Door Storage บริการรับฝากของส่วนตัวถึงบ้าน ภายใต้แบรนด์ i-StoreGo เพียงแค่คลิกเดียว ลูกค้าสามารถใช้บริการโดยการเรียกให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทไปรับสิ่งของของลูกค้าถึงที่บ้าน และเมื่อลูกค้าต้องการใช้สิ่งของดังกล่าวสามารถเรียกคืนสิ่งของได้
ภายใต้ Slogan ที่ว่า STORE Anywhere REQUEST Anytime ซึ่งการบริการดังกล่าวเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายไม่ต้องการเดินทางมายังพื้นที่ห้องเก็บของ
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารฯ ได้สนับสนุนเงินร่วมลงทุนใน i-Store Self Storage เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงทีมผู้บริหารนำโดยนายภักดี อนิวรรตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีแผนธุรกิจอย่างชัดเจน
เน้นทำการตลาดกลุ่มลูกค้าที่พักอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน ทีพักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมและมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างจำกัด หรือกลุ่มผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการมีพื้นที่เพื่อเก็บสต๊อกสินค้า รองรับผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่ให้ความสนใจเลือกซื้อสินค้า ผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น นอกจากนั้น ยังมีแผนขยายสาขาให้บริการ และเพิ่มธุรกิจการบริการให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด