จีซี ซื้อหุ้นวีนิไทย ด้วยการเพิกถอนหุ้นของวีนิไทยออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เสริมแกร่งเคมีภัณฑ์ปลายน้ำมุ่งขยายสู่ซีแอลเอ็มวี
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ เรื่องการเข้าซื้อหุ้นของวีนิไทย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในส่วนของเคมีภัณฑ์ปลายน้ำซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของอุตสาหกรรมของไทย พร้อมรุกคืบขยายตลาดสู่ CLMV ซึ่งได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
อ่านข่าว จีซี ไม่รอศก.ฟื้นลุยลงทุนธุรกิจปลายน้ำ มั่นใจได้ของถูก
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ นัดพิเศษ วันที่ 18 มีนาคม 2564 มีมติอนุมัติให้ GC เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) หรือ VNT ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเพิกถอนหุ้นของวีนิไทยออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Delisting Tender Offer: DTO) จากผู้ถือหุ้นทุกรายในราคาเสนอซื้อต่อหุ้นไม่เกิน 39 บาท ซึ่งอาจมีการปรับราคาตามหลักเกณฑ์ของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.12/2554 โดย AGC Inc. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ VNT ได้แสดงเจตนาที่จะไม่ขายหุ้นสามัญใน VNT ที่ AGC Inc. ถืออยู่โดยตรงทั้งหมด VNT จะยังคงเป็นธุรกิจหลักและบริษัทลูกของ AGC หลังจากการเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ หาก VNT สามารถดำเนินการเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สำเร็จ GC และ AGC Inc. มีแผนที่จะสนับสนุนการควบบริษัทระหว่าง VNT และ บริษัท ไทยอาซาฮีเคมีภัณฑ์ จำกัด (“AGC-TH”) โดยก่อนที่การควบรวมจะแล้วเสร็จ AGC-TH จะปรับโครงสร้าง โดยจะรวมธุรกิจของ AGC Inc. ในประเทศเวียดนามมาอยู่ภายใต้ AGC-TH ก่อนควบรวมกับ VNT เป็นบริษัทแห่งใหม่ (“NewCo”)
ทั้งนี้ เป็นการร่วมมือในการสร้างความแข็งแกร่ง (Synergy) ให้กับ VNT และบริษัทย่อยอื่นๆ ของ AGC เพื่อเป็นผู้ดำเนินธุรกิจ PVC และ Chlor-Alkali แบบครบวงจรในประเทศไทยและเวียดนาม โดยภายหลังการควบรวมบริษัทแห่งใหม่ (“NewCo”) จะมีการใช้ต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ (Cost Effective) และมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ในกำลังการผลิตที่สำคัญ ได้แก่ ผลิตพลาสติกพีวีซี (PVC) 450,000 ตันต่อปี ผลิตภัณฑ์คลอร์-อัลคาไล หรือโซดาไฟ (Chlor-Alkali) 720,000 ตันต่อปี และผลิตภัณฑ์อีพิคลอโรไฮดรินฐานชีวภาพ (Epichlorohydrin: ECH) 120,000 ตันต่อปี โดยเมื่อการควบรวมบริษัทแล้วเสร็จ บริษัทอาจพิจารณาซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทใหม่ ตามจำนวนและราคาของหุ้นเพิ่มทุนที่ บริษัทจะได้พิจารณาต่อไป
การลงทุนในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการเติบโต พร้อมขยายฐาน สร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจปลายน้ำของ GC และพร้อมต่อยอดไปสู่ธุรกิจในส่วนของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์คลอร์-อัลคาไล หรือโซดาไฟ (Chlor-Alkali) และธุรกิจ PVC ซึ่งมีอัตราการเติบโตในระดับที่สูง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าในธุรกิจสายโอเลฟินส์ให้กับ GC
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่
บทความก่อนหน้านี้แรงงานเฮ! 1,000 บาทแรก ‘ม33เรารักกัน’ เข้าแล้ว พร้อมใช้จ่าย รมว.ปลื้ม ช่วยเงินหมุนเวียนหลายรอบบทความถัดไปศรีสุวรรณ ยื่น ป.ป.ช. ไต่ ส.ส.-ส.ว.รวม 208 ราย ฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาล รธน.หรือไม่
matichon