“ไทยเที่ยวนอก” ฟื้นชีพ Q4 ไฮซีซั่น! แอร์ไลน์ขยับบินตรง ลุ้นญี่ปุ่นคลายล็อก

หลังวิกฤติโควิด-19 ทำการเดินทางชะงักมาเกือบ 3 ปี กระทบตลาด “คนไทยเที่ยวต่างประเทศ” ซึ่งเคยมีมูลค่าการใช้จ่ายรวม 3.3 แสนล้านบาท จากจำนวนคนไทยเที่ยวนอก 11 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2562 เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ซึ่งมีมูลค่าใช้จ่าย 3 แสนล้านบาท จากจำนวน 10 ล้านคน

สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ไทยแอร์เอเชียพร้อมบุกตลาดญี่ปุ่นครั้งแรก ด้วยการเปิดเส้นทางบินตรง กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) – ฟุกุโอกะ เมืองขนาดใหญ่ที่สุดบนเกาะคิวชู ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวไทยที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศ “ท่องเที่ยวญี่ปุ่น” ในมุมใหม่ๆ ประเดิมด้วยความถี่จำนวน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในวันที่ 12-28 ต.ค.2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และจะเพิ่มเป็น 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตั้งเเต่วันที่ 30 ต.ค.2565 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชียได้จัดโปรโมชั่น ราคาสมาชิกเริ่มต้นที่ 4,888 บาทต่อเที่ยวเดียว และราคาสำหรับบุคลทั่วไป 4,928 บาท เริ่มจองได้ตั้งแต่วันที่ 22-28 ส.ค.2565 เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.2565-23 มี.ค.2566 นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษ จองโหลดสัมภาระลงใต้ท้องเครื่องล่วงหน้า 20 กิโลกรัม รับเพิ่มฟรีเป็น 30 กิโลกรัม สำหรับเส้นทางบินนี้เท่านั้น

รายงานข่าวจากสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ระบุว่า หลังจากกลับมาให้บริการในเส้นทางบินระหว่างประเทศอีกครั้ง โดยนอกจากเส้นทางบินตรงสู่ประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่นแล้ว ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ พร้อมมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในเส้นทางบินที่มีศักยภาพและเป็นที่ต้องการของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ทั้งนี้ “ออสเตรเลีย” เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวไทย ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การทำธุรกิจ รวมถึงด้านการศึกษา ซึ่งมีนักเรียนไทยจำนวนมากไปศึกษาต่ออยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ขณะเดียวกันเมืองไทยก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของชาวออสเตรเลียเช่นกัน สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จึงพร้อมเปิดเส้นทางใหม่ บินตรงจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ประเทศออสเตรเลีย โดยจะแถลงข่าวเปิดตัวในวันที่ 29 ส.ค.นี้


ด้าน วรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยเวียตเจ็ท กล่าวว่า ไทยเวียตเจ็ทเดินหน้าขยายเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศเส้นทางใหม่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – ฟู้โกว๊ก อีกหนึ่งจุดหมายการเดินทางยอดนิยมซึ่งเป็นเกาะทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค. 2565 เป็นต้นไป เริ่มต้นด้วยความถี่ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ขณะที่เส้นทาง กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – ไทเป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย ได้เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ด้วยความถี่ 1 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

ทั้งนี้ ได้จัดโปรโมชั่น “Deluxe ดีต่อใจ” บัตรโดยสารแบบดีลักซ์ (รวมภาษีและค่าธรรมเนียม) รวมน้ำหนักสัมภาระ 20 กิโลกรัม สิทธิในการเลือกที่นั่งฟรี บริการเช็คอินช่องทางพิเศษ และสิทธิในการเปลี่ยนเที่ยวบินไม่จำกัดจำนวนครั้งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จองได้ตั้งแต่วันที่ 25-31 ส.ค.2565 เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.2565-25 มี.ค.2566 สำหรับเส้นทางกรุงเทพฯ-ฟู้โกว๊ก ราคาเริ่มต้น 2,999 บาท ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-ไทเป ราคาเริ่มต้น 3,499 บาท

“ไทยเที่ยวนอก” ฟื้นชีพ Q4 ไฮซีซั่น!  แอร์ไลน์ขยับบินตรง ลุ้นญี่ปุ่นคลายล็อก

ณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด สตาร์ทอัพท่องเที่ยวออนไลน์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ หลังจากสถานระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ประกอบกับคนไทยอัดอั้นมานาน ต้องการออกเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะจุดหมายปลายทางยอดนิยมในเอเชียที่ผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง เช่น สิงคโปร์ ซึ่งปัจจุบันคนไทยเดินทางไปเที่ยวจำนวนมาก และ มัลดีฟส์ ที่มีกระแสตอบรับดีจากนักท่องเที่ยวไทยเช่นกัน

บริษัทฯจึงรุกขาย “แพ็คเกจเที่ยวต่างประเทศ” หลังขยายฐานผู้ซื้อวอเชอร์แพ็คเกจท่องเที่ยวในประเทศสะสมมากว่า 4 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ รวมประมาณ 2 แสนราย ประเดิมด้วยแพ็คเกจเที่ยวมัลดีฟส์เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเส้นทางที่ลูกค้ารีเควสต์และทักถามข้อมูลเข้ามามากที่สุด แพ็คเกจแบบเหมารวม (All Inclusive Package) ขายดีที่สุดคือ คือแพ็คเกจพักวิลล่ากลางทะเล รวมบุฟเฟต์อาหารเครื่องดื่มและกิจกรรมของโรงแรม แต่ก็มีแพ็คเกจเที่ยวมัลดีฟส์ให้เลือกหลากหลาย ราคาเริ่มต้น 13,900 บาทต่อทริป สำหรับแพ็คเกจที่เน้นกิจรรมดำน้ำ เข้าพักโรงแรมติดทะเล 4 ดาว

ส่วนในเดือน ต.ค.นี้ บริษัทฯจะเสนอขายแพ็คเกจเส้นทางเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม และ สปป.ลาว ส่วนแพ็คเกจเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย คาดหวังว่าจะเริ่มขายได้ภายในเดือน ต.ค.นี้เช่นกัน เพราะมีลูกค้าถามเข้ามาจำนวนมาก แต่เนื่องจากปัจจุบันกฎการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นยังค่อนข้างคลุมเครือและต้องขอวีซ่า จึงไม่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ประกอบกับราคาแพ็คเกจเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ในระดับ 5 หมื่นบาทต่อคนต่อทริป สูงกว่าราคาแพ็คเกจที่เคยจ่ายกันในระดับ 3 หมื่นบาท

“แม้ราคาแพ็คเกจเที่ยวญี่ปุ่นในปัจจุบันจะแพงที่ระดับ 5 หมื่นบาท แต่ไม่ได้แปลว่านักท่องเที่ยวไทยไม่มีเงิน แต่แค่ทำใจจ่ายไม่ได้ เพราะเคยเที่ยวในราคาถูกกว่านี้ จึงต้องรอให้ราคาปรับลดลงกว่านี้ รอให้ซัพพลายสินค้าท่องเที่ยว เช่น ปริมาณที่นั่งเครื่องบิน กลับมาใกล้เคียงภาวะปกติก่อนโควิด-19 ระบาด เพื่อให้ได้ราคาใกล้เคียงเดิมมากที่สุด และอีกปัจจัยสำคัญที่สุดคือการปลดล็อกการขอวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวไทยเหมือนก่อนวิกฤติโควิด-19 ระบาด”

และเมื่อทางการญี่ปุ่นผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น เอื้อต่อการเดินทางของกลุ่ม FIT บริษัทฯเตรียมขายแพ็คเกจทุกประเภท รองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้า เช่น สายกิน สายเที่ยวธรรมชาติ และสายเที่ยวเมือง

มณีจันทร์ พันธ์วัฒน์วงศ์สุข ผู้แทนจาก Lao Association Travel Agent (LATA) กล่าวว่า หลังจากเปิดประเทศ ปัจจุบันมีนักเดินทางชาวไทยนิยมไปเที่ยว สปป.ลาว จำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวของไทยเมื่อเดือน ก.ค. และ ส.ค.ที่ผ่านมา สินค้าท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจใช้บริการคือ “รถไฟจีน-ลาว” ซึ่งยังอยู่ในช่วงทดลองให้บริการ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ โดยแต่ละบริษัททัวร์มีลูกค้านักท่องเที่ยวไทยช่วงหยุดยาวกว่า 100 คนต่อบริษัท และสมาชิกบริษัททัวร์ใน LATA ซึ่งมีกว่า 300 บริษัท เสนอขายโปรแกรมทัวร์นี้ถึง 80%

“ทั้งนี้คาดว่าเมื่อระบบการเดินรถไฟ เที่ยวรถ และอื่นๆ มีความเสถียรมากขึ้น จะมีนักเดินทางชาวไทยมาเที่ยวลาวเพิ่มขึ้น 2 เท่า เทียบภาวะปกติก่อนโควิด-19 ระบาด โดยราคาแพ็คเกจทัวร์ที่เสนอขายในปัจจุบันอยู่ที่ 1-2 หมื่นบาทต่อคนต่อทริป ส่วนระดับพรีเมียมอยู่ที่ 2 หมื่นบาท”