เพื่อไทยเหี่ยว แลนด์สไลด์ไม่มีจริง – TOPNEWS

อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้  พรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างมากว่าจะชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย เข้าข่ายแลนด์สไลด์เหมือนที่พรรคไทยรักไทยยุครุ่งเรืองสมัยทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯเคยทำมาแล้ว  โดยได้ส.ส. 248 คน ในการเลือกตั้งเมื่อ 6 มกราคม 2544  และกวาดส.ส. 377 คน ในการเลือกตั้งเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2548  มาเที่ยวนี้ทักษิณและตระกูลชินวัตรฮึมเหิมสุดๆ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งในคราวนี้ให้ได้เพื่อเป็นสะพานเป็นใบเบิกทางให้ “ตาแม้ว-ปู่แม้ว”  ได้กลับบ้านมาเลี้ยงหลาน 6 คนที่ถือกำเนิดเกิดขึ้นมา  ที่โทนี่ดี๊ด๊าเต็มแก่   “ต้องแสดงความยินดีกับตัวเอง ที่ได้เป็นคุณปู่ป้ายแดง ได้อยู่จนเป็นปู่แล้ว หลังจากเป็นตาของหลาน 4 คน ตอนนี้ได้เป็นปู่ของหลานอีก 2 คน ซักที รอมานาน คิดว่าลูกชายจะไม่แต่งงานแล้ว ดีใจมาก ตอนนี้มีหลาน 6 คนแล้ว อยากกลับบ้านไปเลี้ยง แต่รออีกนิดนึง” ทักษิณให้กำลังใจกับตัวเองล่าสุด

การเลือกตั้งทั่วไปคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในปีหน้า  ตามที่มีการเก็งกันว่า  หลังจัดประชุมเอเปก 2565 ต้อนรับผู้นำโลกแล้วเสร็จ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ น่าจะประกาศยุบสภาภายในเดือนม.ค.ปีหน้า  ก่อนจะกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปคืนอำนาจให้กับประชาชนในเดือนก.พ.หรือไม่ก็ต้นเดือนมี.ค.2566  อย่างที่ทุกคนทราบการเลือกตั้งที่จะถึงเสมือนรถไฟเที่ยวสุดท้ายที่ทักษิณมั่นใจมากว่าจะได้กลับบ้าน  ความมั่นใจของทักษิณว่าจะชนะการเลือกตั้งที่สูงยิ่งในคราวนี้ถึงขนาดวางตัวลูกสาวสุดที่รักอย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลงมานำทัพพรรคเพื่อไทยด้วยตัวเอง  วางตัวให้เข้ามาเรียนรู้งานการเมืองตั้งแต่เนิ่นๆเมื่อปลายปีที่แล้วในฐานะประธานที่ปรึกษาการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม  ก่อนขยับขึ้นชั้นมาเป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย”  อนาคตก็คงไม่แคล้ววางตัวเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตบัญชีนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยแน่นอน

ทักษิณมั่นใจมากกับการเลือกตั้งรอบนี้มากถึงขนาดประกาศตั้งแต่ไก่โห่ว่าจะกวาดส.ส.แลนด์สไลด์ 250 คนขึ้นไปให้ได้  เป้าหมายเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดันชื่อแพทองธารขึ้นเป็นนายกฯหญิงคนที่สองของประวัติศาสตร์การเมืองไทย  หลังเคยทำสำเร็จในการผลักดันนายกฯน้องสาวอย่าง “เจ๊ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตอนอายุ 44 ปี หาเสียง 49 วัน ก่อนชนะการเลือกตั้งเมื่อ 3 ก.ค. 2554  จนเป็นผู้นำหญิงคนแรกและนายกฯคนที่ 28 ของไทยสำเร็จมาแล้ว  มารอบนี้ทักษิณก็หวังใช้โมเดลเดิมเอามุก “นารีขี่ม้าขาว” กับ “ผู้นำอายุน้อย”  มาปั่นกระแสให้คนไทยมาขายฝันให้เหล่าFC ของตัวเอง   โดยนำเสนออุ๊งอิ๊งวัย 36 ปีเกาะเทรนด์ผู้นำโลกอายุน้อยเป็นจุดขายในการเลือกตั้งคราวหน้า    แต่ก็คงไม่ง่ายเพราะคนไทยยังเข็ดหราบกับยิ่งลักษณ์  ยังเข็ดเขี้ยวกับความไม่มีประสบการณ์ของผู้นำ   ขนาดเจ๊ปูเคยเป็นประธานของเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่นส์  และ ประธานของบ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด  ก็ยังเอาไม่ไหวเอาไม่อยู่   นับปะสาอะไรกับอุ๊งอิ๊งที่ไม่เคยผ่านงานบริหารใหญ่ๆมาเลย    แต่เมื่อนายห้างจะดันอะไรก็รั้งไม่อยู่  ถึงขนาดลงทุนยกหูหาบรรดาลูกน้องเก่าโทรศัพท์เรียกเครือข่ายบริวารที่เคยเป็น “ข้าเก่าเต่าเลี้ยง” กลับมาช่วยงานพรรคเพื่อไทยหมด กรณีดึงพงศกร อรรณนพพร อดีตส.ส.ขอนแก่น  อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรมช.ศึกษาธิการ  ที่เป็นมือรันพรรคไทยสร้างไทยออกจากอ้อมอก “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  กลับคืนรังก็เพราะมีใบสั่งนายห้างให้กลับมาช่วยลูกสาว  เช่นเดียวกับกระแสข่าวต่อสายดึง “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย หรือแม้แต่เรื่องของการทาบทาม เลียบๆเคียงๆ  “เสี่ยปุ้ม” สุรนันทน์ เวชชาชีวะ  รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทยให้กลับมาช่วยบ้านเก่า

มูลเหตุที่ทำให้ทักษิณต้องออกตัวหลายทาง เล่นเกมหลายหน้า ถึงขนาดต้องเรียกสมุนกลับมาช่วยพรรคหวังช่วยดันอุ๊งอิ๊งขึ้นเป็นนายกฯคนต่อไปให้ได้  ก็เพราะเจ้าตัวเริ่มกังวลว่าฝันแลนด์สไลด์ชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลายคงไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว  ล่าสุดถูกพรรคก้าวไกลสายล้มเจ้าโยนระเบิดเรื่อง ม.112 ขว้างเผือกร้อนเรื่องปกป้องสถาบันออกมาใส่พรรคเพื่อไทยแบบเต็มๆ  หลังออกมาประกาศนโยบายการเมืองก้าวหน้า  พูดออกมาชัดๆเลยว่าจะนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองตั้งแต่ปี 2557  เดินหน้ารื้อล้างประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ม.116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์  ปฏิรูปศาลกระบวนการยุติธรรม ล้างบางกองทัพ ลดนายพล ยุบกอ.รมน. ยกเลิกการเกณฑ์ทหารและกฎอัยการศึกทั่วประเทศ ฯลฯ  ชูนโยบายริดรอนหน่วยงานที่เป็นมือไม้สถาบัน  ซักฟอกศาลตัดน้ำเลี้ยงรื้อล้างอำนาจของกองทัพ  งวดนี้ประกาศโต้งๆ วัดใจกันไปเลย ใครชอบแบบนี้ให้เทคะแนนมาพรรคก้าวไกล  ใครไม่ชอบแบบนี้ก็ไปเลือกพรรคอื่น  เจอดอกนี้ไปพรรคเพื่อไทยกระอักเลือด  เดินหน้าก็ไม่ได้ถอยหลังก็ไม่ดี  หนุนรื้อ 112 ปฏิรูปสถาบันก็เจอคนไทยใจภักดีบอยคอต สารพัดพรรคคงเอาไปพูดไปขย้ำตอนหาเสียงว่าเป็นพรรคฝ่ายล้มเจ้า     ครั้นไม่เอาด้วยประกาศต้าน 112 ฐานมวลชนกลุ่มสามกีบพวกคนรุ่นใหม่ที่เป็นฝ่ายตัวเองก็คงหดหายเทไปอยู่กับพรรคก้าวไกลหมด   เจอหมากเกมนี้ไปทักษิณจุกอกเพื่อไทยคงมึนไม่รู้จะแก้เกมนี้ยังไง   ก็ออกแนวกั๊กๆ แบ่งรับแบ่งสู้อ้อมๆแอ๋มๆ เรื่องนี้กันไปเรื่อยๆ

ประเด็น ม.112 ก็ชวนปวดหัวแล้วเรื่องนึง  ประเด็นเรื่องชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายก็ดูจะไปไม่ถึงฝัน  เที่ยวหน้าส.ส.เขตจาก 350 คนกลับไปเป็น 400 คน บัญชีรายชื่อจาก 150 คนหดลงเหลือ 100 คน กลับไปเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ อย่างคิดว่าเป็นเรื่องง่ายเป็นของตายของพรรคเพื่อไทย  ลำพังแค่อีสาน จาก 116 คน จะได้เพิ่มเป็น 132 คน  ถามว่าถ้าพรรคเพื่อไทยจะได้แลนด์สไลด์ทั่วประเทศเกิน 250 คน  ภาคอีสานต้องกวาดส.ส.ให้ได้อย่างต่ำๆ 100 คน  เลือกตั้งรอบก่อนอีสานได้ 84 คน แต่รอบนี้คงยากที่จะได้มากเหมือนเก่า  เพราะพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล กำลังขาขึ้น ทั้งกระสุนทั้งกระแส  ไหนจะนโยบายเรียนฟรีกยศ.ไร้ค่าปรับ    กัญชาเสรี  พักหนี้ 3 ปีหยุดต้นปลอดดอกเบี้ย เป็นต้น    ไหนจะมีพรรคไทยสร้างไทยของ “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์   ที่ลงพื้นที่อีสานอย่างถี่ไล่บี้ทุกจังหวัดด้วยสารพัดนโยบาย อาทิ บำนาญประชาชน 30 บาทรักษาทุกโรค คนไทยปลอดจน ฯลฯ มาแบ่งส.ส.แชร์ที่นั่งอีก   นอกจากนั้นอย่าลืมว่าพรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  ก็ยังอยู่แม้กระแสจะแผ่วไป  แต่ยังส่งทีมงานเบอร์ใหญ่อย่าง  “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. กับ “บิ๊กอี๊ด” พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2  มาฝังตัวมาทำงานการเมืองลุยอีสานแบบเงียบๆ  ถามตรงๆในอีสานทักษิณมั่นใจขนาดไหนว่าจะกวาดเกิน 100 ได้สำเร็จ  เหนือก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้าง ภาคกลางก็ไม่โดดเด่น ภาคใต้ไม่มีส.ส.เลย  กทม.รอบที่แล้วได้ 12 คน รอบนี้จะหวังกระแสชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มาช่วยก็คงยากเพราะเห็นๆกันอยู่ว่า “ของจริง” หรือ “ก็อปเกรดเอ”

ลำพังรักษาฐานที่มั่นเดิมของส.ส.เพื่อไทยเก่า 136 คน 136 เขตก็ว่ายากแล้ว  จะเพิ่มส.ส.ให้มากขึ้นก็ยิ่งลำบากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา  อย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยมีกระแสข่าวเลือดไหล  มีเรื่องของ “งูเห่า-งูฝาก”  มีประเด็นส.ส.ในพรรคพร้อมย้ายบ้านหนีพรรคนายห้างตลอด   เร็วๆนี้เมื่อ 4ต.ค.ที่ผ่านมาก็มีส.ส.เกือบสิบคนไปร่วมอวยพรวันเกิด 74 ปี  “ครูใหญ่เน”  เนวิน ชิดชอบ  ที่จ.บุรีรัมย์  ส่งสัญญาณหนีพรรคตระกูลชินแน่นอน ประกอบด้วย 1.วุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส. นครนายก  2.สุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา  3. นพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา 4.นิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก 5.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ 6. ธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ 7. ผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ  8. จักรพรรดิ ไชยสาส์น อุดรธานี ส.ส. 9. ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส. กทม.  ทั้งหมดนี้แค่น้ำจิ้มพวกไปแน่ๆ 100 %  ล่าสุดก็เป็นกรณีของ ไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนมที่เปิดตัวไปรับเสี่ยหนูแบบเต็มๆ   ยังมีที่เป็นอีแอบรอทิ้งพรรคเพื่อไทยอีกเพียบ เพราะไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายค้าต่ออีก 4 ปี  เป็นมา 8 ปีจะตายกันหมดแล้ว หนนี้ขอเปลี่ยนขั้วไปเป็นรัฐบาลบ้าง      ไม่แปลกที่ทักษิณพูดคลับเฮ้าส์ทุกครั้งต้องขู่คนย้ายพรรคระวังสอบตก  ล่าสุดถึงขนาดต้องส่ง  “นายหญิง” คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เปิดตัวลงไปนั่งหน้าเวทีการันตีว่าเลือกตั้งเที่ยวนี้ “กงสีชินวัตร”  เทหมดหน้าตักเอาจริงล้านเปอร์เซ็นต์แบบไม่มีกั๊ก

เรื่องการเมืองเรื่องตั้งรัฐบาลต้องเอาตัวเลขมาคิด ต่อให้ได้ส.ส.แลนด์สไลด์ 250 คน ก็ไม่ได้การันตีว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลแพทองธารจะได้เป็นนายกฯ  อย่าลืมว่าฝ่าย 3 ป. ยังมีฐานส.ว.250 คนอยู่ในมือ  ทักษิณจะหาเสียงส.ส.กับส.ว.มาจากไหน เกินครึ่งในรัฐสภาต้องได้เสียงเกิน 375 คน ต่อให้ได้ส.ส.250 คนก็ยังขาดเสียงสนับสนุนอีกมาก ประเด็นนี้ก็ทำให้ทักษิณคิดไม่ตกพรรคเพื่อไทยปวดหัว  เพราะลำพังพรรคตัวเองชนะเลือกตั้งให้ตายก็คงไม่ได้เป็นรัฐบาลได้ง่ายๆ ถ้าไม่มีพรรคการเมืองสนับสนุนก็ต้องมีส.ส.เป็นพวก เจออุปสรรคหลายเรื่องขวางทางขึ้นครองอำนาจในตึกไทยคู่ฟ้า  ทั้งเรื่อง 112 เรื่องคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น  เรื่องส.ส.เตรียมย้ายพรรคหนี  เรื่องมือในสภาไม่พอ ทักษิณอาจฮึกเหิมในหัวใจเพราะดูผลโพลล์รายงานว่าอุ๊งอิ๊งนำโด่งเป็นนายกฯ  พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งแบบนอนมาแน่ๆ   ทักษิณอาจอยู่ไกลเกินไปคงได้ข่าวไม่ชัดไม่ลึกพอ  เพราะของจริงบรรดาสมุนคนทำงานที่อยู่ทางนี้ทราบดีว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ฟูฟ่องจริง  หลังๆหนักไปทางเหี่ยวแห้งเพราะต่อให้เก่งยังไง ถ้าเด่นอยู่พรรคเดียวแบบ  “หัวเดียวกระเทียมลีบ”  ยังไงก็ไม่มีทางเป็นรัฐบาล  อย่าได้แปลกใจที่ 2 แกนนำในพรรคอย่างชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  กับ สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน จะออกมาแบะท่าทอดสะพานกับการร่วมรัฐบาลจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ   เพราะ 2 ผู้อาวุโสพรรคมองเกมขาดเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างลึกซึ้ง   ชนะเลือกตั้งได้ส.ส.มากมายขนาดไหนก็ไม่มีทางได้เป็นรัฐบาลถ้าไม่ดึงพรรคพลังประชารัฐมาอยู่ด้วย

ด้านนึงได้ส.ส.พลังประชารัฐมาเป็นฐาน อีกด้านก็จะได้ส.ว.สายลุงป้อมมายกมือให้ด้วย  ตามสูตรนี้หากหลังเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยมาอันดับ 1  พรรคพลังประชารัฐจะมาที่ 2 ที่ 3 หรือที่ 4 ก็แล้วแต่  สองพรรคมาจับมือกันให้ได้ส.ส.เกิน 250 คน  มีส.ว.สายลุงป้อมอีก 100 คนมาเป็นฐานก็ตั้งรัฐบาลได้สบายๆ แต่ต้องอยู่ภายใต้ข้อแม้ว่านายกฯต้องเป็นโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ และชื่อของนายกฯต้องเป็นพล.อ.ประวิตรไม่ใช่บิ๊กตู่  ออกทางนี้ลุงป้อมแฮปปี้พรรคเพื่อไทยยิ้มหวาน เพราะวินวินทั้งคู่ ลุงป้อมได้เป็นนายกฯพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล  ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันอย่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์คงอกแตกตาย  อย่างไรตั้งรัฐบาลสองพรรคตามสูตรนี้จะเป็นจริงได้  ก็ต่อเมื่อบิ๊กตู่ประกาศไม่ไปต่อไม่เล่นการเมืองแล้ว แต่ถ้าบิ๊กตู่ไปต่อแผนนี้ก็หมดสิทธิ์    ที่สำคัญเรื่องนี้ดูกลายเป็นฝันลมๆแล้ง  แม้ชลน่านกับสุทินจะออกมารับลูกเปิดช่องผ่าทางตันในเรื่องนี้  แต่ในทางกลับกันตัวเลขาธิการพรรคอย่าง ประเสริฐ จันทรรวงทอง กลับออกมาสัมภาษณ์แบบเห็นต่าง  สวนกลับว่าเป็นความเห็นเฉพาะตัวบุคคล พรรคยังไม่มีแนวคิดเรื่องนี้  เร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ก่อนการเลือกตั้ง  ถือเป็นการไม่ให้เกียรติไม่เคารพประชาชน  หัวหน้ากับประธานวิปไปทาง เลขาฯพรรคไปอีกทาง  อย่าลืมว่าประเสริฐคือเลขาฯพรรคสายจันทร์ส่องหล้า  เป็นคนใกล้ชิดนายหญิงพจมานที่ส่งมาคุมพรรคสั่งมาเดินข้างกายคุณหนูอิ๊ง  ชลน่านกับสุทินพูดแค่ความเห็นของส.ส.  แต่ประเสริฐพูดอันนี้เป็นสัญญาณตรงจากเจ้าของพรรค  เพราะเป็นคนใกล้ชิดสายตรงของนายหญิง   เรื่องจับมือกันทำงานจัดตั้งรัฐบาลยังอีกนาน   ตอนนี้เอาเป็นว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง  ลุ้นแลนด์สไลด์แบบที่โทนี่ฝันหวานให้ได้ก่อน เรื่องอื่นๆค่อยมาว่ากันหลังเลือกตั้ง

////////////////